Archive for January 2015
ZED
Zed เป็นยอดนินจาในรอบ 200 ปี ที่สามารถเรียนรู้เข้าใจถึงแก่นวิชาต้องห้ามที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่การกระทำของเขานั้น ทำให้ตระกูล และอาจารย์ของเขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กลายเป็นความผิดติดตัวของเขาตราบชั่วชีวิต ในตอนนี้ Zed กลับมาเพื่อแสดงศาสตร์วิชาแห่งเงา ให้เหล่าผู้โง่เขลาเห็นถึงพลานุภาพของมัน
Zed เป็นเด็กกำพร้า ที่เติบโตมาโดยการฝึกสอนของปรมาจารย์นินจาที่เก่งฉกาจ มีนักเรียนนินจาเพียงคนเดียว ที่มีความสามารถเทียบเท่ากับ Zed เขาคือลูกชายของอาจารย์ของเขา Shen นั่นเอง ตลอดมา ดูเหมือนว่า Zed ไม่อาจจะชนะใจอาจารย์ของเขาได้เลย ทุกครั้งที่เขาต่อสู้กับคู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวของเขา มันมักจะจบลงที่การเสมอทุกครั้ง ด้วยความรู้สึกผิดหวัง และอิจฉา เขาจึงพยายามตามหาบางสิ่งบางอย่าง เพื่อที่จะทำให้เขาได้เปรียบ วันหนึ่ง นินจาหนุ่มน้อยได้เดินทางเข้าไปยังอาณาเขตต้องห้าม ที่ถูกปิดผนึกไว้ของตระกูล ที่นั่นถูกตกแต่งประดับไว้หรูหรามาก และที่นั่น เขาพบกับกล่องแปลกๆ กล่องหนึ่ง ซึ่งเขารู้สึกได้ถึงความชั่วร้าย และความมืดที่ซ่อนอยู่ภายในกล่อง Zed รู้ดีว่าเขาไม่ควรเปิดมัน แต่ด้วยความอยากรู้เขาก็พยายามมองลอดเข้าไปในกล่อง ทันใดนั้นเอง เงามืดได้เข้าถึงจิตใจของเขา เผยให้เห็นถึงเคล็ดวิชาต้องห้าม ที่ถูกเก็บซ่อนมาอย่างยาวนาน เมื่อเขาได้ครอบครองวิชาที่ถูกผนึกแล้ว เขาจึงประกาศท้าดวลกับ Shen และในครั้งนี้ เขาก็สามารถเอาชนะได้ เขาคาดหวังกับชัยชนะครั้งนี้มาก เขาคาดหวังว่าจะได้รับคำสรรเสริญในฐานะผู้ชนะ แต่ทว่าอาจารย์ของเขาดูออก และรู้ว่า Zed ได้ใช้วิชาต้องห้าม เขาจึงถูกขับไล่ออกจากสำนัก
ด้วยความละอายใจ นินจาหนุ่มจึงเดินทางไปทั่ว โดยไม่มีหลักแหล่ง เป็นระยะเวลากว่าปี ในระหว่างการเดินทางนั้นเอง ความขมขื่นที่มีกลับกลายเป็นความทะเยอทะยาน เขาเริ่มฝึกสอนลูกศิษย์ด้วยเคล็ดวิชาเงา พลังอำนาจของเขาก็เพิ่มพูนมากขึ้น ดั่งเช่นเหล่าผู้ติดตามของเขาที่เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาเองเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด ว่าเขาฝึกต่อไปโดยปราศจากกล่องต้องห้ามที่ถูกปิดผนึกอยู่ เขาจะไม่มีทางทำให้เคล็ดวิชานี้สมบูรณ์แบบได้ วันหนึ่ง Zed ได้เปลี่ยนมุมมองของตนเอง เขามองเหล่าผู้ติดตาม และเหล่าลูกศิษย์ของเขา เป็นดั่งทหารในกองทัพ เขาชักนำพวกเขา และเดินทางกลับไปยังสำนักที่เขาเคยเติบโตมา เพื่อสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ เมื่อเขาเดินทางมาถึงประตูสำนัก เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาพบอาจารย์เก่าของเขา ที่มายืนรอรับอยู่หน้าประตู และต้อนรับเขากับเหล่าลูกศิษย์เสมือนดั่งแขกผู้มาเยือน ชายชราวางดาบลงต่อหน้า Zed อย่างสุภาพ และพูดอย่างเปิดเผยว่า ในตอนที่เขาเป็นอาจารย์ของ Zed นั้น เขาทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เขาไม่ควรขับไล่ลูกศิษย์ของตนเองออกจากสำนัก สิ่งนั้นมันทำให้ Zed เข้าสู่ด้านมืดที่ไม่ควรแตะต้อง ที่จริงแล้ว เขาควรจะแนะนำให้ Zed เดินตามเส้นทางแห่งสมดุลมากกว่า ชายชราขอร้องให้ Zed เข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม และทำลายกล่องทิ้งเสีย อีกทั้งยังขอให้ช่วยชี้นำเหล่าผู้ติดตามให้เดินตามหลักแห่งความสมดุล เหล่านินจาเงาจึงได้เดินตามปรมาจารย์เข้าไปข้างในสำนัก ครู่ต่อมา เหล่านินจาได้ยินเสียงร้องแสดงความเจ็บของ Zed ออกมาจากด้านใน แต่ด้วยความลึกลับพิสดารอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ เขากลับโผล่ออกมา โดยที่ไม่มีบาดแผลใดๆ พร้อมทั้งโยนหัวของอาจารย์ทิ้งไปที่ปลายเท้าของ Shen ทำให้ Shen กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ Zed สั่งให้เหล่าผู้ติดตามของเขาจัดการสังหารเหล่านินจาในสำนัก พร้อมทั้งบุกเข้าชิงกล่อง
ในวันนั้น เหล่านินจารุ่นเก๋า และเหล่านินจารุ่นเยาว์ต้องเสียชีวิตไปมากมาย เหล่านินจาที่รอดมาได้นั้น ต่างขอบคุณในความพยายามอย่างกล้าหาญของ Shen ในตอนนี้อดีตสำนักนินจา ได้กลายเป็นที่สำหรับฝึกฝนวิถีทางแห่งเงาไปแล้ว Zed ได้ออกคำสั่งกับเหล่าผู้ติดตามของเขาสั้นๆ เพียงว่า ฝึกฝนวิชาให้สมบูรณ์แบบ และตามล่าสังหารเหล่านินจาที่ปฏิเสธวิถีทางแห่งเงา
''ความสมดุลนั้น เป็นแค่เรื่องหลอกลวง พวกเรานี่แหละ ที่เป็นนินจาที่แท้จริง''
-- Zed --ตัวโปรดของเราเองแหละ ;w;- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
99 LOL - SYNDRA
เธอเป็นคู่ครองของ zed >w<
Syndra เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ ไม่มีอะไร ที่เธอจะรักมากไปกว่า การควบคุมพลังเวทย์มหาศาลที่เธอมี วันคืนผ่านพ้นไปมากเท่าไร ความชำนาญในการควบคุมพลังเวทย์ของเธอ ก็กล้าแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ไม่เชื่อในเรื่องของความสมดุล หรือความยับยั้งชั่งใจใดๆทั้งสิ้น Syndra มีความต้องการเพียง ควบคุมพลังของตนเองเท่านั้น ถึงแม้ว่า จะต้องทำลายล้างเจ้าหน้าที่ ที่พยายามจะหยุดยั้งเธอก็ตาม
ในช่วงวัยเยาว์ของเธอนั้น เธออาศัยอยู่ใน Ionia ด้วยการใช้เวทมนตร์อย่างสะเพร่าของ Syndra ทำให้เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้าน เกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาพาเธอไปอาศัยอยู่ที่วิหารแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ทิ้งเธอไว้ให้จอมเวทย์ชราอยู่เป็นผู้ดูแลเธอ และเพื่อเป็นการเอาใจ Syndra จอมเวทย์ชราได้เล่าเรื่องราวในอดีตว่า วิหารแห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนมาก่อน และที่แห่งนี้ จะช่วยพัฒนาความสามารถให้แก่เธอ ภายใต้คำแนะนำของเขา ถึงแม้ว่าในช่วงที่เธออาศัยอยู่ที่นี่ เธอจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ตามที่เธอต้องการ แต่พลังเวทมนตร์ของ Syndra กลับไม่เพิ่มขึ้นเลย เธอสามารถรู้สึกได้ว่า มันไม่เหมือนเดิม สิ่งนี้มันช่างแตกต่างจากครั้งเมื่อ ในสมัยที่เธอสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของเธอ ที่มันเติบโตพัฒนาเพิ่มมากขึ้นในช่วงวัยเด็ก ความคับข้องใจของเธอมากขึ้นจนทนไม่ได้ ส่งผลให้เธอไปคาดคั้นคำอธิบายกับผู้ที่สอนเธอมา แต่ความจริงที่ได้กลับมานั้น กลายเป็นว่า เขาเป็นผู้ที่ทำให้พลังเวทย์ของ Syndra ถดถอยลง เนื่องจากหวังไว้ว่า สิ่งนี้จะสอนให้เธอเรียนรู้วิธีการควบคุม และการรู้จักยับยั้งชั่งใจ เมื่อคุยกันจบ เธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ตราหน้าเขาว่าเป็นผู้ที่ทรยศเธอ เพราะในความสามารถของนักเวทย์แล้ว เธอเหนือกว่าเขาในทุกด้าน เธอออกคำสั่งให้เขาปลดผนึกอาคม ที่คอยกดดันพลังเวทย์ของเธอไว้ จอมเวทย์ชราตั้งเงื่อนไขกลับว่า ถ้าหากเธอไม่อาจควบคุมตนเองได้ เขาจะทำให้พลังเวทย์ของ Syndra หายไปตลอดกาล ด้วยความโกรธของเธอ เธอปล่อยพลังของเธอออกมา พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมานั้น ผลักจอมเวทย์ชราปลิวไปชนกับกำแพง ร่างกายแหลกเหลว หลังจากที่ผู้ฝึกสอนของเธอได้เสียชีวิตไป Syndra รู้สึกได้ถึงพลังของตนเอง ที่กำลังเอ่อล้นออกมาจากภายในร่าง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับมาซึ่งอิสรภาพ แต่เธอปฏิเสธที่จะกลับไปหาสังคมเดิม สถานที่ที่พยายามคิดจะช่วงชิงพลังที่เธอหวงแหนไป Syndra ยึดที่คุมขังของเธอเอง เปลี่ยนมันเป็นที่มั่น เธอเพิ่มขีดจำกัดพลังของเธอให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เธอใช้พลังของเธอ ทำให้วิหารแห่งนั้นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ในตอนนี้ เธอมีอิสระในการค้นหาวิธีใช้พลังของตนเองอย่างเต็มที่ Syndra ตั้งเป้าไว้ว่า เธอจะต้องมีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น มากพอจะทำลายเหล่าผู้นำที่แสนโง่เขลาของ Ionia และทุกคนที่คิดจะจำกัดพลังอำนาจของเธอ
''พลังจะอยู่กับผู้ที่สามารถใช้มันได้''
-- Syndra กล่าวไว้- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL Rengar - meow meow
บนทุกกำแพงในถ้ำของนักล่าของสะสมที่มีนามว่า Rengar นั้น เต็มไปด้วย เขี้ยวเล็บ เขาสัตว์ และหัวกะโหลก ที่เขาล่ามาได้จากสัตว์ร้ายต่างๆใน Valoran แม้ว่าเขาจะสะสมของได้จำนวนมากมายเหลือล้น แต่สิ่งเหล่านั้น มันก็ยังไม่ทำให้เขารู้สึกพอใจ เลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงตามหาความท้าทายที่มากยิ่งขึ้น เขาทุ่มเทเวลาไปกับการล่า ศึกษาเกี่ยวกับเหยื่อ เรียนรู้สิ่งต่างๆ และเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด ที่เขายังไม่เคยปราบได้
Rengar เติบโตมา โดยที่เขา ไม่เคยรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเองเลย แต่ทว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาด้วย ผู้ที่ถูกขนานนามว่านักล่าในตำนาน เขาเป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมมาก เขาตั้งใจในการเรียนรู้บทเรียนต่างๆจากพ่อของเขาเสมอ และปรับปรุงให้มันเข้ากับลักษณะที่ดุร้ายของเขา ในช่วงก่อนที่แผงคอของเขาจะเติบโตอย่างเต็มที่นั้น Rengar เริ่มต้นประกาศอาณาเขตของตนเอง โดยที่เขาจะทำการวางกะโหลกของเหยื่อที่เขาล่าได้ ไว้ในพื้นที่รอบๆอาณาเขตของเขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์เตือนให้แก่ผู้ที่จะมารุกรานอาณาเขตของเขา เขาคิดว่าการกระทำแบบนี้ จะทำให้เขาปกครองอาณาเขตได้อย่างไม่มีปัญหา และมันน่าจะเป็นไปตามความตั้งใจของเขา แต่กลับกลายเป็นว่า มันทำให้เขาต้องรู้สึกกระสับกระส่ายแทน ไม่มีสัตว์ตัวใดที่จะกล้าเข้ามาท้าทายเขา เขาไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่ง พอที่จะช่วยพลักดันขีดจำกัดของตัวเขา มันทำให้สัญชาตญาณของเขาจางหายไป เขากลัวว่าจะไม่เหลือความท้าทายใดๆให้เขาได้สัมผัส กลัวว่าจะไม่ได้สัมผัสความตื่นเต้นของการล่าอีก ในช่วงที่เขากำลังสิ้นหวังนั้น เขาก็ได้พบกับสัตว์ประหลาด ที่เขาไม่รู้จัก มันดูแปลกประหลาดมาก ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างดาว มันไม่น่าจะมีอยู่บนโลกนี้ ประกอบกับการที่เขากำลังเบื่อกับการจับกินสัตว์เดิมๆ ที่หลงทางเข้ามาในอาณาเขต เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เริ่มต้นการล่าอีกครั้ง Rengar เข้าซุ่ม เพื่อดักโจมตีสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างรวดเร็ว มันร้ายกาจกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยล่ามา การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บ Rengar ต้องเสียดวงตาของเขาไปข้างหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสลดมาก มันทำลายความภาคภูมิใจของเขา เขาไม่เคยพลาดท่าในการล่ามาก่อน และที่แย่ที่สุดคือ เขาบาดเจ็บจนต้องถอย ในช่วงวันต่อมา อาการของเขาอยู่ในระหว่างความเป็นกับความตาย บาดแผลของเขาย่ำแย่มาก แต่ในใจลึกๆเขากลับรู้สึกมีความสุข เขาจะได้เริ่มต้นการล่าอีกครั้ง ถ้าหากยังมีสัตว์ที่แข็งแกร่งดำรงอยู่บนโลก เขาจะตามหาพวกมัน และเขาจะได้ตามล่ามัน เพื่อจะได้สะสมกะโหลกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาด หรืออะไรก็ตาม เขาต้องตามล่ามันให้สำเร็จให้ได้ เขาได้ทำการจัดเตรียมพื้นที่ บนกำแพง ในด้านที่ใหญ่ที่สุดของถ้ำไว้ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับวางกะโหลกของเจ้าสัตว์ประหลาด เขาสาบานว่า เขาจะต้องตามล่ามันให้สำเร็จ เพื่อนำมันมาเป็นของสะสมของเขาให้จงได้
''หากเหยื่ออ่อนแอ เจ้าก็จะอยู่รอด หากเหยื่อแข็งแกร่ง เจ้าถึงจะรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่''
-- Rengar- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - riven
ที่ประเทศ Noxus พลเมืองไม่ว่าจะมาจากไหน จะเพศอะไร หรือมีตำแหน่งหน้าที่ในสังคมชั้นไหน ก็สามารถที่จะกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจได้ทั้งสิ้น ตราบเท่าที่พลเมืองคนนั้นแข็งแกร่งมากพอ ความทุ่มเท บวกกับความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อวิสัยทัศน์ที่กล่าวไปข้างต้นนี่เอง ทำให้ Riven มีความมุ่งมั่นเพื่อไปสู่ความเป็นหนึ่งให้จงได้ Riven แสดงความสามารถทางทหารออกมาให้เห็นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยการบังคับให้ตัวเองฝึกฝนจนเคยชินกับน้ำหนักของดาบยาวได้สำเร็จ ทั้งๆที่เธอก็พึ่งจะมีความสูงพอๆกับดาบเล่มนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งและมีความสามารถสูงมาก แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอนั้น มาจากความมั่นใจของตัวเธอเอง เธอเดินทางเข้าสู่สนามรบโดยที่ไม่มีความลังเลใดติดค้างอยู่ในจิตใจ เธอสามารถลงดาบได้โดยไม่ต้องมีการหยุดคิดเรื่องศีลธรรมความถูกต้อง และเธอไม่กลัวความตาย Riven คือผู้นำท่ามกลางกลุ่มเพื่อนร่วมอุดมคติ อีกทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นเสมือนตัวแทนจิตวิญญาณของชาว Noxus อีกด้วย Riven มีความโหยหาในความแข็งแกร่งอยู่มากเป็นพิเศษจน The Noxian High Command มอบดาบที่ปลุกเสกตามวิถีเวทมนตร์ของชาว Noxus ซึ่งถูกตีขึ้นมาจากหินเวทมนตร์สีดำให้แก่เธอ เป็นรางวัลตอบแทนแก่ความทะเยอทะยานของเธอนั่นเอง ดาบเล่มนี้มีความกว้างพอๆกับ Kite Shield แต่มีน้ำหนักที่มากกว่า นับได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับรสนิยมของ Riven อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด หลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็ถูกสั่งให้เข้าร่วมกับกองทัพของ Noxus เพื่อให้ไปบุกประเทศ Ionia
ในตอนแรกเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการทำสงคราม แต่มันกลับกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเวลาอันรวดเร็ว เหล่าทหารชาว Noxus ติดตามเครื่องจักรทางสงครามอันน่ากลัวอย่างทหารรับจ้างชาว Zaun ไปบนผืนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความตาย สงครามดูเหมือนจะไม่ใช่การต่อสู้อันน่ายกย่องสรรเสริญอย่างที่ Riven ได้ถูกฝึกให้เชื่อมาตลอด เพราะยิ่งรุกรานประเทศ Ionia ไปยาวนานเท่าไหร่ ความเป็นจริงที่ว่า สังคมของชาว Ionia ได้ถูกทำลายไปจนหมดแล้วและคงไม่มีทางที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก ก็ยิ่งแสดงให้ Riven เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ในสงครามครั้งนั้น Riven เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ลงมือทำภารกิจตามคำสั่งของเหล่าผู้บังคับบัญชาของเธอ ซึ่งภารกิจที่ว่าก็คือ กำจัดศัตรูที่บาดเจ็บที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดสิ้น ซึ่งพยายามปลูกฝังให้ Riven มีอคติเกลียดชาว Ionia อย่างไม่มีเหตุผล ถึงกระนั้น ในที่สุดหน่วยของ Riven ก็พลาดท่าตกอยู่ในวงล้อมของทหารชาว Ionia เข้าจนได้ หน่วยของ Riven ได้ทำการเรียกกำลังเสริม ในขณะที่เหล่าศัตรูที่ล้อมรอบเธออยู่ก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่สิ่งที่ Riven ได้รับ มันไม่ได้เป็นเหมือนที่เธอคาดคิดเอาไว้ สิ่งที่หน่วยของเธอได้รับไม่ใช่กองกำลังทหาร แต่เป็นลูกปืนใหญ่ที่มีสารเคมีอันตรายอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งมี Singed นักเคมีชาว Zaun เป็นผู้ยิง ทุกๆคนรอบตัวของ Riven ไม่ว่าจะเป็นทหารชาว Ionia หรือชาว Noxus จึงตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์อันน่าสยดสยองในครั้งนั้น ถึงแม้ Riven จะมีความสามารถมากพอที่จะหนีออกจากจุดระเบิดได้ แต่ความทรงจำของเหตุการณ์นั้น คงไม่มีทางลบเลือนไปได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจาก Riven ถูกนับว่าเป็นทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่โดยประเทศ Noxus ไปแล้ว เธอจึงถือโอกาสนี้หันหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอทำลายดาบที่ได้รับมอบมาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมทั้งยังตัดพันธนาการจากอดีตที่เธอมีทั้งหมด เธอเนรเทศตัวเองออกมาแล้วผันตัวไปเป็นคนเร่ร่อน ซึ่งในตอนนี้ Riven กำลังค้นหาทางที่จะแก้ไข และหนทางที่จะกลับไปรับใช้ จิตวิญญาณที่แท้จริงของประเทศ Noxus ที่เธอเคยเชื่อมั่นเหมือนในอดีต
''บนโลกนี้ยังมีสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ระหว่างคำว่า 'สงคราม' กับ คำว่า 'ฆาตรกรรม' ซึ่งเป็นที่ที่เหล่าปีศาจในตัวของเราทุกคนอาศัยอยู่''- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Sona
Sona ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ที่แท้จริง ของตัวเองเลย เธอถูกทิ้งไว้ที่ หน้าประตูของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในประเทศ Ionia ตั้งแต่ยังเป็นทารกอยู่ โดยที่ข้างๆตัวเธอนั้น มีเครื่องดนตรีโบราณ ที่ถูกเก็บในกล่องอันสวยสดงดงาม วางอยู่ข้างกับ Sona ซึ่งเธอเป็นเด็กที่มีความประพฤติดีมากจนน่าดีใจ เธอเป็นเด็กที่เรียบร้อย และมีความสุข โดยอยู่กับสิ่งที่ตนเองมี เนื่องจากลักษณะนิสัยที่ดี พี่เลี้ยงทั้งหลายจึงมั่นใจว่า Sona จะต้องมีคนรับไปเลี้ยง ในเร็ววันอย่างแน่นอน แต่ในภายหลังจากนั้น พวกเขากลับพบว่า เบื้องหลังความอ่อนโยน และจิตใจดีแบบผิดปกตินั้น จริงๆแล้วเป็นเพราะ Sona ไม่สามารถที่จะพูด หรือเปล่งเสียงใดๆ เพื่อให้แสดงอารมณ์ออกมาได้ Sona จึงต้องอาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกระทั่งเธอเติบโตเป็นวัยรุ่น ถึงกระนั้น เธอก็ได้แต่เฝ้าดูเหล่าผู้รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เดินผ่านไปมา คนแล้วคนเล่า ซึ่งในตอนนี้เอง เหล่าพี่เลี้ยงของ Sona ได้ตัดสินใจ ขายเครื่องดนตรีประหลาด ที่ถูกวางไว้ข้างๆตัว Sona เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นทารก นำไปขายให้กับนักสะสมผู้ใจร้อนทั้งหลาย โดยพวกเขาหวังว่า เงินที่ได้มานั้น จะสามารถนำมาใช้เป็นทุน เพื่อให้ Sona ได้ออกไปทำอะไรเป็นของตัวเองได้ แต่ด้วยเพราะอะไรก็ไม่อาจทราบ เครื่องดนตรีที่ถูกขายไปแล้วนั้น กลับมาโผล่ที่หน้าสถานเด็กกำพร้าอีก หรือบางครั้งก็กลับมาหา Sona เองเลย เสมอๆ
ในเวลาต่อมา เรื่องราวของเครื่องดนตรีชิ้นนี้ ได้ไปเข้าถึงหูของเศรษฐีนีชาว Demacia ที่ชื่อว่า Lestara Buvelle ซึ่งเธอได้ออกเดินทางไปยังประเทศ Ionia ในทันที ที่ได้ทราบข่าวเรื่องนี้ เมื่อถึงที่หมาย เหล่าพี่เลี้ยงได้จัดแสดงเครื่องดนตรีชิ้นนั้นให้ Lestara เธอลุกขึ้นโดยไม่พูดไม่จา แล้วเธอจึงเริ่มต้นสำรวจสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องของ Sona และ Lestara ก็ได้ตัดสินใจรับเลี้ยง Sona ในทันทีอย่างไม่ลังเล อีกทั้งยังให้เงินบริจาค แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก เพื่อแลกกับเครื่องดนตรีโบราณชิ้นนั้น Lestara ช่วยแนะแนวทางให้แก่ Sona ได้ค้นพบความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ที่เธอมีต่อเครื่องดนตรีโบราณที่ Lestara เรียกมันว่า etwahl เมื่อที่ etwahl อยู่ในมือของ Sona เสียงดนตรีที่เปล่งออกมาจากเครื่องดนตรีนั้น จะทำให้ผู้ฟังต้องหยุดนิ่ง หรือสั่นเทาอยู่เสมอ ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน Sona ได้กลายเป็นนักเล่นเครื่องดนตรีปริศนา etwahl ผู้โด่งดังไปทั่ว ตั๋วเข้าชมการแสดงของเธอนั้น ขายหมดในทุกๆรอบ ที่เธอแสดง การแสดงดนตรีของ Sona เปรียบเสมือนกับ การชักใยหัวใจของผู้ฟัง ซึ่งเธอสามารถที่จะเปลี่ยนอารมณ์ของพวกเขา ได้ตามเพลงที่เล่น การแสดงของเธอนั้น ไม่จำเป็นต้องมีสมุดโน้ตใดๆทั้งสิ้น ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ได้ค้นพบศักยภาพในการใช้ etwahl เพื่อความรุนแรงอย่างลับๆ เธอสามารถที่จะใช้แรงสั่นที่เกิดขึ้นจากการดีด etwahl ตัด และเฉือนสิ่งต่างๆที่อยู่ไกลออกไปได้ เธอได้ทำการฝึกฝนศิลปะการใช้ etwahl ในด้านนี้ ด้วยตัวเอง จนเริ่มเชี่ยวชาญ เมื่อ Sona รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้ว เธอจึงออกเดินทางไปยังสถานที่ ที่เธอสามารถแสดงการเล่นดนตรีเดี่ยว ที่เหมาะสมกับเธอ ไปพร้อมกับ etwahl ที่ยอดที่สุด สถานที่แห่งนั้นก็คือ การแข่งขัน League of Legends
''ท่วงทำนองของเธอทำให้สะเทือนไปถึงวิญญาณ ความเงียบงันของเธอตัดร่างกายให้แยกออกจากกัน''
- กล่าวโดย Jericho Swain หลังจากที่ดูการแสดงของ Sona เสร็จ- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - TEEMO
Teemo นั้นเป็นตำนาน ที่เล่าขานในท่ามกลางพี่น้องชาว Yordle ของเขา ในนคร Bandle ถึงแม้ Teemo นั้นจะมีความเป็นมิตร และชอบที่จะทำภารกิจร่วมกับเพื่อนๆของเขาก็ตาม แต่เขามักจะถูกขอร้องให้ ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันนคร Bandle คนเดียวบ่อยๆ แม้ว่า Teemo จะเป็น Yordle ที่มีบุคลิกที่ดูอบอุ่น แต่ในเวลาสงคราม เขาสามารถที่จะปลิดชีวิตของคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ลังเล แม้กระทั่งในตอนที่ถูกเกณฑ์เข้ามาในกองทัพใหม่ๆ เหล่าผู้สอนต่างพากันสงสัยตัว Teemo ว่าด้วยบุคลิกที่ดูใจดีเช่นนี้ อาจจะทำให้เขามีปัญหา ในเวลาทำภารกิจก็เป็นได้ แต่ไม่เลย Teemo กลายเป็นคนที่ซีเรียส พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าเขา มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ ในช่วงเวลาที่การฝึกซ้อมการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยความสามารถที่เขามี ทำให้ Teemo สามารถไต่เต้าขึ้นไปอยู่หน่วยสอดแนมของยานแม่ ได้อย่างรวดเร็ว หน่วยสอดแนม เป็นหน่วยพิเศษ ที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วย Megling Commandos
Teemo มีความสามารถอย่างมาก ในการปฏิบัติภารกิจคนเดียว เขามีลูกเล่นแพรวพราวในขณะที่พวก Yordle ทั่วไปไม่มี ประวัติในการปกป้องเมือง Bandle จากศัตรู ทำให้เขาเป็นตำนานที่มีชีวิตอยู่เลยทีเดียว ทางนคร Bandle ตัดสินใจที่จะส่ง Teemo ในฐานะ Champion คนแรกของนคร เข้าร่วม League และเขาก็ดูดีใจมาก ราวกับเป็ดได้ว่ายน้ำเลยทีเดียว อาวุธประจำกายของเขาคือ การเป่าลูกดอกที่มีพิษที่ร้ายแรงที่ชื่อว่า Ajunta อาบที่ลูกดอก เขาค้นพบพิษชนิดนี้ที่ป่า Kumungu ในระหว่างที่อยู่ในลีค Teemo ได้ผูกมิตรกับ Tristana ผู้ซึ่งเป็น Champion ในลีคเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในหน่วยจู่โจมพิเศษ ของนคร Bandle อีกด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เป็นไปด้วยดี จนกระทั่งสื่อของ Valoran เริ่มตีแผ่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ว่าได้พัฒนาจากความเป็นเพื่อน เป็นความโรแมนติกแล้ว ณ ตอนนี้ Teemo ก็เป็นขวัญใจใน League of Legends เขาเป็น Champion ตัวเล็กที่ทุกๆคนต้องกลัว
''Teemo อยู่บนเส้นระหว่าง ผู้รักชาติ กับนักฆ่า ไม่มีใครที่เหมาะสม ที่จะเป็นเพื่อนมากกว่านี้อีกแล้ว''
-- Tristana กล่าว- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - LeBlanc
ในทุกเมืองนั้นย่อมที่จะมีบางส่วนที่เป็นด้านมืด แม้แต่เมืองที่มีความเจริญแล้วก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่เมืองอย่าง Noxus เมื่อได้เดินทางผ่านถนนที่คดเคี้ยว ผ่านหุบเขาแห่งลมลงไปยังทางใต้โลกนั้น ยังมีที่ๆหนึ่งอยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นที่รวมของความชั่วร้ายทั้งหมด ที่ๆอยู่เหนือลัทธิและศาสนา กลุ่มบุคคลลึกลับกลุ่มหนึ่งเรียกสถานที่ลึกลับแห่งนี้ว่าบ้าน LeBlanc ผู้มีฉายาว่า the Deceiver(จอมหลอกลวง) ผู้ปกครองกลุ่ม ''กุหลาบดำ'' ผู้เหลือรอดจากความพ่ายแพ้ และเป็นพวกที่เลวร้ายสุดขั้วเท่าที่ประวัติศาสตร์ของ Noxus เคยมี LeBlanc และตระกูลของเธอเคยเป็นแกนนำในเมืองของ Noxus จนกระทั่งรัฐบาลของ Noxus นั้นปกครองด้วยกองทัพในปัจจุบัน ในช่วงก่อนการปกครองของรัฐบาล Noxus ในยุคปัจจุบันนั้น กลุ่มกุหลาบดำเต็มไปด้วยจอมเวทย์ที่ทรงพลังมากมาย พวกเขาได้ค้นพบความลับที่จะสั่นคลอนบัลลังค์ได้
ถึงแม้ว่าความตั้งใจจริงของกลุ่มกุหลาบดำได้ถูกเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด แต่ทว่าหลายๆคนก็เชื่อว่าอำนาจปกครองที่แท้จริงนั้นตกอยู่ในมือของกลุ่มกุหลาบดำ ส่วนเหล่าขุนนางนั้นทำหน้าที่เพียงแค่ปกครองเป็นหน้าฉากเท่านั้น และเมื่อพวกหน้าฉากได้รับรู้ถึงข่าวพวกนี้ พวกเขาจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก และจึงเริ่มใช้ความรุนแรงเพื่อแสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนปกครองอาณาจักร กลุ่มกุหลาบดำต้องสิ้นชื่อในเพียงคืนคืนเดียว หลายๆคนต่างหาเหตุผลมาสาธยายว่า อาจเป็นเพราะเวลาผ่านมานานแล้วก็เป็นได้ ที่ทำให้สมาชิกของกลุ่มกุหลาบดำเริ่มเบื่อกับการเล่นการเมืองจึงหายไป และเมื่อ LeBlanc ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่สถาบันแห่งสงคราม เธอได้แสดงให้เห็นว่าเธอเชี่ยวชาญในหลักวิชาเงาและเปลวเพลิงได้อย่างไร้ข้อกังขา ซึ่งเธอเป็นผู้ที่จะกลับมาทวงอำนาจของเธอคืนในสงคราม League of Legends นั่นเอง
''สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อสิ่งใดนอกจากสิ่งที่ตาเห็นแล้ว โลกที่เห็นมันช่างแตกต่างเหลือเกิน''
-- LeBlanc, the Deceiver กล่าวไว้- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - nami
ภายใต้เกลียวเคลื่อนที่ไม่เคยสงบนิ่ง ยังคงมีเรื่องเล่าขาน ตำนานแห่งท้องทะเล เกี่ยวกับเงือกสาว Nami ที่ผู้คนของเธอต่างกล่าวว่าเธอคือ Tidecaller ที่เด็ดเดี่ยวไม่น้อยไปกว่าใคร จิตใจและความมุ่งมั่นของเธอเป็นที่ร่ำลือมานักต่อนัก เธอคือ Tidecaller ที่ถูกเลือกเพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของเธอให้รอดพ้นจากนาทีชีวิตในครั้งนี้
หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของ Tidecaller นั้นคือการตามหา Moonstone ที่พบเห็นได้เพียงบนผืนดินเท่านั้น ชาว Marai ต่างเชื่อมั่นในพลังของ Moonstone ที่จะช่วยปัดเป่าภยันตรายทั้งมวล มิให้กร้ำกลายมาสู่ผืนน้ำนี้ได้ ทว่าพลังนี้ จะมีเวลาอยู่แค่ 100 ปีเท่านั้น และเมื่อแสงของ Moonstone เริ่มริบหรี่ลง นั่นคือเวลาที่ Tidecaller จะต้องออกเดินทางไปยัง Great Deep เพื่อตามหา Abyssal Pearl และนำมันขึ้นมายังผืนดินในคืนเหมายันที่จะเกิดขึ้นทุกๆ 100 ปี เพื่อประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์กับผู้ครอบครอง Moonstone แห่งผืนดิน เมื่อพิธีเสร็จสิ้น Tidecaller จะนำ Moonstone กลับสู่เกลียวคลื่นเพื่อความสงบสุขของท้องทะเลไปอีก 100 ปีข้างหน้า
ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นในยุคของ Nami เมื่อกำหนดครบ 100 ปีใกล้เข้ามาถึง แต่ยังไม่มีผู้ใดพบ Tidecaller คนใหม่ที่จะทำภารกิจตามหา Moonstone และนั่นอาจหมายถึงจุดจบของเผ่าพันธุ์ Marai นั่นเอง Nami ไม่อาจที่จะเอาแต่นั่งภาวนาไปวันๆเหมือนอย่างคนในเผ่าของเธอ ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งราวกับเพชรที่ส่องประกาย Nami ท่องเกลียวคลื่นตามลำพัง เพื่อทำภารกิจตามหา Moonstone ด้วยตนเอง และด้วยอุปสรรคนานับประการที่รอคอยเธออยู่นั้น ชาว Marai ล้วนแต่เชื่อว่า Nami รนแต่วิ่งเข้าหาความตายของตนเอง แต่พวกเขากลับต้องประหลาดใจ ด้วยเวลาเพียง 6 วัน Nami กลับมาพร้อม Abyssal Pearl ในมือของเธอ และนั่นทำให้ชาว Marai ต่างยกย่องว่าเธอคือ Tidecaller คนต่อไป เท่านี้ก็เหลือเพียงให้ Nami ทำพิธีศักดิ์สิทธิ์บนผืนดิน และเผ่าพันธุ์ของเธอก็จะรอดพ้นจากลางร้ายที่คลืบคลานเข้ามาทุกขณะเสียที
ทันทีที่ Nami ขึ้นมาบนผืนดิน สิ่งที่เธอพบกลับมีเพียงดินทรายที่ว่างเปล่า เธอเฝ้ารอวันแล้ววันเล่าบนอ่าวเล็กๆ พร้อมคำถามในใจที่เกิดขึ้นมามากมาย หากจะว่าตามตำนานแล้ว ผู้ครอบครอง Moonstone แห่งผืนดินจะปรากฏตัวทุกครั้งเมื่อถึงเวลาทำพิธี แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ มันเป็นเวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่ Nami ตัดสินใจจะออกตามหา Moonstone บนดินแดนที่เธอเคยรู้จักแค่จากตำนานในชนเผ่าเท่านั้น หากแต่การนิ่งเฉยก็ไม่อาจช่วยเผ่าพันธุ์ของเธอจากอันตรายได้เช่นกัน เธอคือชาว Marai คนแรกที่ได้เดินทางบนดินแดนที่อยู่เหนือผืนน้ำนี้ Nami ได้สาบานกับท้องทะเลว่าเธอจะไม่หวนคืนสู่บ้านเกิด จนกว่าเธอจะสามารถทำภารกิจของ Tidecaller ได้สำเร็จ
''ข้าคือเกลียวคลื่นที่โหมกระหน่ำ และข้าจะไม่หวนกลับคืน''
-- Nami- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - shen
ในประเทศ Ionia นั้น ยังมีองค์กรใต้ดินโบราณ ที่มีหน้าที่ในการช่วยควบคุมสมดุลต่างๆ(ความเป็นระเบียบ, ความวุ่นวาย, แสงสว่าง หรือแม้แต่ความมืด)ให้อยู่ในความเรียบร้อยเสมอ โดยสมดุลทั้งหลายที่กล่าวมานั้นจักต้องดำเนินไปในทิศทางที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันซึ่งมันเป็นกฎเกณฑ์ธรรมชาติของจักรวาล..องค์กรแห่งนี้มีชื่อว่า Kinkou ซึ่งในองค์กรแห่งนี้ได้ทำการแต่งตั้งนักรบเงาสามคนเพื่อเป็นตัวแทนของสำนักในการทำหน้าที่ รักษาสมดุลของโลก และ Shen ก็เป็นหนึ่งในนักรบเงานี้เอง ทางสำนักไว้ใจให้ Shen ให้ทำหน้าที่ ''เฝ้าดูดวงดารา'' ซึ่งหมายถึงว่า การใช้คำพิพากษาที่ปราศจากความลำเอียงในการตัดสินศัตรูนั่นเอง
Shen เกิดในตระกูลที่สมาชิกของครอบครัวทุกคน ต่างก็ทำหน้าที่สืบทอดตำแหน่งสำคัญๆในสำนัก Kinkou แบบรุ่นต่อรุ่น ซึ่งสำหรับ Shen แล้ว เขาได้ทำการฝึกฝนตลอดชีวิตเพื่อที่จะสืบทอดตำแหน่งเนตรสนธยา ซึ่งในตำแหน่งนี้คือตำแหน่งของผู้ที่ใช้ดุลยพินิจของตนเองแบบไร้อคติ ในการตัดสินว่าเขาควรจะทำอะไร เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของสมดุลภาพของโลก Runeterra สำหรับการทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนได้รับตำแหน่งเนตรสนธยานั้น Shen จำต้องเข้ารับพิธี Takanu ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่พ่อของ Shen จะต้องถูกทรมาณต่อหน้าต่อหน้าต่อตาของเขา เพื่อที่จะทดสอบความหนักแน่นในการตัดสินใจ ถ้าหาก Shen แสดงปฏิกิริยาใดๆก็ตาม เขาจะถูกตัดสิทธิ์ในทันที ตลอดเวลาของพิธีกรรม Shen ไม่ได้เบนสายตาไปจากพ่อของเขา และไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในฐานะของเนตรสนธยาแล้ว Shen ต้องทำการตัดสินใจในสถานการณ์ลำบาก ที่มักจะทำให้ความรู้สึกของคนธรรมดาทั่วไปต้องหวั่นไหวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เขาจึงต้องลบอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง ออกให้หมดไปจากกระบวนการคิดแก้ปัญหา เพื่อความยุติธรรมที่แท้จริง ทุกวันนี้ Shen ทำงานร่วมกับ Akali และ Kennen ในการรักษาความสมดุลให้กับแผ่นดิน Valoran และด้วยหน้าที่นี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าในที่สุดแล้ว นักรบทั้งสามคนก็จะถูกชักนำมายัง Fields of Justice จนได้
''เนตรสนธยา คือดวงตาที่มองไม่เห็นความสิ้นหวังของเหยื่อ... มันจะเห็นได้ก็แต่ความสง่างามของสมดุลยภาพของโลกเท่านั้น''- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - VAYNE
โลกนี้ ไม่มีแต่สถานที่ที่ศิวิไลซ์อย่างเดียวเท่านั้น มีคนอีกจำนวนมาก ที่เลือกเดินบนเส้นทางด้านมืด และยอมที่จะกลายเป็นคนเลว เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งความมืด ที่หมุนเวียนอยู่ในโลก Runeterra ซึ่ง Shauna Vayne คืออีกคนหนึ่ง ที่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่ยังเป็นเด็ก Vayne ถูกห้อมล้อม และเติบโตขึ้นมา ท่ามกลางสังคมชั้นสูงของ Demacia แม้ว่าพ่อของเธอ ผู้มีสายตาอันเฉียบแหลมในแบบของตำรวจที่มีประสบการณ์มาก และจะพยายามโน้มน้าวให้เธอระวังตัวมากเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็ทำให้เธอเลือกที่จะเชื่ออย่างสนิทใจว่า โลกของเธอนั้น คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด เธอเชื่อแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง ที่มีแม่มดเสียสติมา แม่มดเสียสติผู้นั้นได้เลือกพ่อของเธอเป็นเหยื่อ แม่มดตนนั้นสามารถที่จะฝ่าการป้องกัน ของผู้ที่คอยอารักขา และเข้าประชิดตัวกับพ่อของเธอได้อย่างง่ายดาย แม่มดได้ทรมานครอบครัวของเธอ อย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่จะปลิดชีวิตพวกเขาทั้งหมด ส่วนตัวของเธอนั้นได้หนีรอดออกมา เพื่อซ่อนตัว จนกระทั่งแม่มดเดินทางจากไป ตลอดทางที่เธอกำลังวิ่งหนี Vayne ถูกหลอกหลอนด้วยเสียงกรีดร้อง ของคนที่เธอรัก ความเคียดแค้น และความเกลียดชัง ที่ไม่วันที่จะเลือนหายไป ได้ถือกำเนิดขึ้นในตัวของเธอในคืนนั้น
Vayne สามารถที่จะดูแลตัวเองได้ ด้วยเงินมรดกจากพ่อของเธอ เธอได้เริ่มต้นฝึกฝนตัวเองในทันที เมื่ออาจารย์ของเธอยอมรับเธอเป็นศิษย์ เมื่อเธอเติบโตกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว เธอจึงผันตัวเองมาเป็นนักรบที่น่าสะพรึงกลัว แต่ถึงกระนั้น Vayne ก็ไม่ได้เลือกที่จะต่อสู้บนสนามรบเหมือนนักรบทั่วไป เพราะเธอคิดว่า ประเทศ Demacia กำลังต้องการผู้พิทักษ์ ผู้ที่จะตามล่าเหล่าคนที่หลงผิด ที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความมืด ด้วยเหตุนี้เอง Vayne จึงใช้เส้นสายทางครอบครัวของเธอ เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็น Night Hunter ในปัจจุบัน ความกล้าหาญ และความสามารถของ Night Hunter ได้กลายเป็นสิ่งที่ใครๆก็เรียกเป็นตำนานไปแล้ว ว่ากันว่า ผู้ที่ชอบ หรือหลงใหลในมนต์ดำทุกคน จะต้องสั่นระริกด้วยความกลัว ในทุกๆครั้งที่ได้ยินว่า Night Hunter กำลังออกล่า Vayne มองการแข่งขัน League of Legends เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง เนื่องจาก Champion หลายๆคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ต่างก็เป็นคนที่ลุ่มหลงในเวทมนตร์ และไสยศาสตร์ หลากหลายแขนง เธอจึงเชื่อว่า ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ ควรที่จะถูกกำจัดให้หมดสิ้น เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน ถึงเวลาแล้ว ที่ Night Hunter จะต้องเริ่มต้นภารกิจลับสุดยอดครั้งใหม่ และภารกิจนั้นก็คือ การชำระล้าง League of Legends ให้สะอาดหมดจด
ไม่จำเป็นต้องกลัวความมืดไปเสียทั้งหมด อย่างน้อย ถ้า Vayne ยังอยู่- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - lux
.
เธอเกิดในตระกูลอันทรงเกียรติ ที่รับใช้นคร Demacia มายาวนาน Luxanna หรือ Lux ถูกวาดเส้นทางชีวิตไว้ว่าจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวโดยเป็นลูกสาวคนเดียว เธอได้ศึกษา และคลุกคลีอยู่กับชนชั้นสูงมาโดยตลอด จนกระทั่ง Lux เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอได้ค้นพบว่าเธอมีพรสวรรค์ เธอสามารถใช้เวทมนตร์หลอกผู้คน ให้เห็นในสิ่งที่เธอต้องการได้ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีตัวตนจริงๆก็ตาม อีกทั้งเธอยังสามารถเลียนแบบเวทมนตร์ที่เธอเห็นเพียงครั้งเดียวได้อีกด้วย Lux ถูกยกย่องว่าเป็นผู้วิเศษ และยังเป็นที่โปรดปรานของรัฐบาล Demacia กองทหาร และประชาชนอีกด้วย
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุด ที่ถูกทดสอบในโรงเรียนแห่งเวทมนตร์ ที่นั่นเธอได้ค้นพบว่าเธอมีพลังเฉพาะตัวที่จะสามารถควบคุมพลังแห่งแสงได้ Lux คิดว่าสิ่งนี้เป็นเหมือนของขวัญที่ฟ้าประทานมาให้เธอ เพื่อที่จะเอาใช้ในทางที่ดี เมื่อกองทัพ Demacia ได้รับรู้ในพลังของเธอ กองทัพจึงตัดสินใจเรียกเธอเข้ามารับการฝึกเพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ Lux มีชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความสำเร็จของภารกิจทื่ท้าทายอย่างมาก มีอยู่ครั้งนึงที่เธอต้องเข้าไปปฏิบัติภารกิจในสถานที่ที่อยู่ลึกมากในกองบัญชาการของ Noxus เธอสามารถล้วงเอาข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการศึกระหว่าง Noxus กับ Ionia ออกมาได้ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ ทำให้เธอได้รับความชื่นชมจากทั้งทาง Demacia และ Ionia อย่างไรก็ตาม Lux รู้ดีว่าภารกิจตรวจตรา และระวังภัยนั้นไม่ค่อยจะเหมาะกับเธอเท่าไหร่นัก Lux จึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมสงคราม League of Legends เพื่อตามรอยเท้าของพี่ชายเธอ และเพื่อที่จะเป็นแสงสว่าง และแรงบันดาลใจแก่ชาว Demacia ต่อไป
''แสงนำทางของ Lux จะทำให้ศัตรูระมัดระวังตัว แต่จะทำให้วิตกกังวลมากขึ้น เมื่อแสงเหล่านั้นจางหายไป''
-- Garen กล่าว- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Lissandra
เวทมนตร์ของ Lissandra สามารถทำให้พลังแห่งน้ำแข็งบริสุทธิ์เกิดการบิดเบือน เธอใส่พลังที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย และมันทำให้ดูน่ากลัว พลังน้ำแข็งสีนิลของเธอนั้น สามารถทำอะไรได้มากกว่าการแช่แข็ง ใครก็ตามที่พยายามขวางทางเธอ เธอจะจัดการทิ่มแทงทะลุร่างด้วยน้ำแข็งสีนิล เธอเลือกที่จะทำลายทุกคนที่คิดจะขัดขวางเธอ เหล่าผู้คนทางทิศเหนือต่างหวาดกลัวเธอมาก และขนานนามให้เธอว่าแม่มดน้ำแข็ง หรือ ''The Ice Witch'' แต่ความจริงแล้ว ความชั่วร้ายของเธอมีมากกว่าเรื่องเล่าเหล่านั้น เพราะ Lissandra มีแผนการณ์ที่จะทำให้โลกกลับเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง
เมื่อหลายศตวรรษก่อน Lissandra ได้ทำการทรยศชนเผ่าของเธอ แล้วไปร่วมมือกับอมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าปีศาจ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม Frozen Watcher ที่หวนกลับมาเพื่อชิงพลังอำนาจ และนั่นก็เป็นวันสุดท้าย ที่เธอยังคงมีเลือดอุ่นๆไหลผ่านในกายของเธอ ด้วยพลังของชนเผ่าต้องสาปของเธอ เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งของ The Watcher เธอสามารถกวาดล้างทำลายผู้คนในดินแดนได้ราวกับพายุหิมะอันโหดร้าย โลกต้องกลับมาหนาวเหน็บ และถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่เมื่อกองทัพของเหล่า The Watcher พ่ายแพ้ให้กับเหล่าฮีโร่ในตำนาน Lissandra ก็ไม่สูญสิ้นศรัทธา เธอยังคงยึดมั่น และรอวันที่พวกมันจะกลับมายังโลกใบนี้อีกครั้ง
หลังจากเหตุการณ์ในคราวนั้น Lissandra จึงทำลายความรู้ความเข้าใจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ The Watcher ให้หายหมดไปจากโลก เธอใช้พลังเวทมนตร์ในการเข้ายึดร่างของมนุษย์ เธอได้แฝงตัวเข้าไปเป็นนักพยากรณ์ และเหล่าผู้อาวุโส เธอลงมือเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Freljord ใหม่อีกครั้ง เมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป ด้วยเรื่องเล่าที่เธอสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ความเชื่อของเหล่ามนุษย์เปลี่ยนไป ในทุกวันนี้คนทั่วไปเข้าใจว่า เรื่องเล่าขานและตำนานที่เกี่ยวกับ The Watcher เป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้น แต่สำหรับเธอแล้ว เพียงเรื่องหลอกลวงเหล่านี้ยังไม่พอสำหรับเธอ Lissandra ยังต้องการกองทัพด้วย
เธอคอยจับตามองเหล่าผู้สูงศักดิ์ของชนเผ่า Frostguard และ Lissandra เองก็รู้ดีว่าการที่จะทำลายล้าง Frostguard นั้น เป็นเรื่องที่จะใช้เวลาอันยาวนาน เธอจึงใช้แผนตบตาอันแสนชั่วร้าย นั่นก็คือเธอลงมือสังหาร และใช้เวทมนตร์เข้ายึดร่าง เพื่อเข้ามาเป็นผู้นำของชนเผ่า Frostguard จากนั้นเธอก็ค่อยๆจัดการบิดเบือนความเชื่อ และประเพณีต่างๆ และเมื่อร่างมนุษย์ของเธอเริ่มแก่ตัวลง เธอก็จะแกล้งทำเป็นกำลังจะตาย และจัดการสังหารผู้สืบทอดราชวงศ์คนต่อไป เพื่อที่ยึดร่างสวมรอยต่อไปเรื่อยๆ เมื่อวันเวลาผ่านไปหลายยุคหลายสมัย Frostguard ได้เติบโตขึ้น ก็เริ่มที่ปลีกตัวออกจากประเทศอื่นมาอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทหารเริ่มมีความโหดร้ายมากขึ้น และมักทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมมากขึ้น ในทุกวันนี้สำหรับประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว พวกเขายังคงมองว่า Frostguard เป็นชนเผ่าที่สูงศักดิ์ รักสงบ และคอยปกปักรักษา ต่อสู้กับกองทัพปีศาจอันชั่วร้าย คอยต่อต้านพวกแม่มดน้ำแข็ง แต่ช่างหารู้ไม่ ที่จริงแล้วพวกเขานั้นแหละที่ทำงานรับใช้แม่มดน้ำแข็ง และรอวันที่ The Watcher กลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง
Lissandra คาดการณ์ไว้แล้วว่า สักวันหนึ่งประเทศแห่งนี้จะต้องล่มสลาย และโลกใบนี้จะเกิดใหม่กลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็งอย่างแน่นอน
''เจ้าจงปิดตาลง แล้วความเย็นจะช่วยให้เจ้าไปสบาย''
-- Lissandra- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - KATARINA
ในฐานะที่เป็นรัฐประเทศในการสงครามอย่าง Noxus แล้ว มันคงไม่แปลกนักที่จะเห็นผู้หญิงจับดาบขึ้นมาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชาย Katarina เกิดมาในฐานะลูกสาวของนายพล Du Couteau ตั้งแต่สมัยยังเด็ก เธอมักจะสนใจในมีดของพ่อของเธอ มากกว่าจะสนใจเสื้อผ้า,เครื่องประดับ หรือสิ่งอื่นใดตามที่ผู้หญิงปกติควรจะเป็น ซึ่งน้องสาวของเธอดูจะกลับกันเลยทีเดียว Katarina ในตอนเด็กนั้น มีสัญชาตญาณนักฆ่า และหลงใหลในเลือดเป็นอย่างมาก อีกทั้งพ่อของเธอก็สนับสนุนเธอเป็นอย่างดี หลังจากที่เธอศึกษาเล่าเรียนในสถาบันนักฆ่าที่ดีที่สุดในเมืองแล้ว เธอก็ได้ออกปฏิบัติการครั้งแรกในสงครามระหว่างชาว Ionia กับ Noxus ด้วยความที่ว่าเธอไร้ความปราณีต่อศัตรู อีกทั้งยังมีฝีมือในการใช้มีดได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้เธอได้รับฉายาว่า ''Sinister Blade'' ซึ่งหมายความว่า มีดบินอันน่ากลัว เธอมีชื่อเสียงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งที่เธอออกรบสู้กับกองทัพ Demacia และเธอได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับแชมป์เปี้ยนระดับพระกาฬอย่าง Garen ซึ่งภายหลังกลายเป็นคู่ปรับตลอดกาลของเธอ หลังจากที่เธอช่วย Sion จากการคุ้มครองของกองกำลังของ Garen ได้สำเร็จ
ด้วยความที่เธอนั้นกระหายในสงคราม แต่บนแผ่นดิน Valoran กลับไม่มีให้เธอไป Katarina จึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมสงคราม League of Legends หลายคนเชื่อว่าการเข้ามายัง League of Legends อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของเธอ จะทำให้เธอเป็นแชมป์เปี้ยนที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย Katarina ยังคงดำเนินตามทางเจตจำนงค์ของ Noxus และตั้งใจที่จะนำเกียรติยศกลับสู่บ้านเกิดของเธอและครอบครัว
''Katarina นั้นเปรียบเสมือนแมงมุมแม่ม่ายดำ - สวยงามแต่อันตรายถึงตาย''
-- Garen, the Might of Demacia กล่าวไว้- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Jinx
Jinx เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อทำลายล้าง และมักจะโผล่มาสร้างความวุ่นวายไปทั่วทุกหัวระแหง โดยที่เธอไม่คิดถึงผลกระทบต่างๆที่จะเกิดตามมาเลย ทุกเหตุการณ์ที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้อง ที่เกิดเหตุจะเหลือไว้เพียงแต่ร่องรอยความแตกตื่นโกลาหล เธอเป็นอาชญากรสาวผู้มีสภาพจิตผิดปกติ แถมยังมีอารมณ์หุนหันพลันแล่นมาก แล้วสิ่งที่เธอเกลียดแสนจะเกลียดที่สุดนั่นก็คือ ความรู้สึกอันน่าเบื่อหน่าย เมื่อใดก็ตามที่เธอได้ปลดปล่อยความร้ายกาจในตัวออกมาสร้างความโกลาหล เธอจะรู้สึกสนุกสุขสำราญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และสถานที่ที่เธอชอบโผล่ไปแสวงหาความสุขสำราญที่ว่านั่น ก็คือ Piltover นั่นเอง ด้วยเหล่าสรรพาวุธของเล่นสุดอันตรายที่เธอมีในครอบครอง เธอจึงสามารถจัดระเบิดชุดใหญ่อันเจิดจ้า และดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ทั้งหมดก็เพื่อสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยในพื้นที่เหล่านั้น แต่เธอกลับไม่เคยถูกจับได้เลย เธอชอบไปก่อเหตุเพื่อหยอกล้อกวนประสาทเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยแห่ง Piltover และเธอมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ที่เธอชอบไปเล่นด้วยเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ที่พูดถึงนี้ก็คือ Vi นั่นเอง
Piltover เป็นเมืองที่รู้จักกันทั่วไปอย่างยาวนาน ว่าเป็นเมืองแห่งการพัฒนา และเป็นเมืองที่มีแต่ความสงบสุข เพราะเมืองนี้ปกครองด้วยกฎระเบียบต่างๆนานามากมาย แต่เพราะว่าเป็นเมืองที่สงบสุข มันจึงกลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับอาชญากรหน้าใหม่ ผู้ที่พึ่งเดินทางมาพบเจอสถานที่แห่งนี้ ผู้ร้ายปริศนารายนี้ได้สร้างความเสียหายทำลายเมืองมากมายหลายส่วน ซึ่งมันกลายเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Piltover เลยทีเดียว
การก่ออาชญากรรมของเธอนั้น จะทำขึ้นโดยไม่มีเหตุผลรองรับ อย่างเหตุการณ์ที่เธอแอบเข้าในสวนสัตว์ แล้วปล่อยเหล่าสัตว์ให้ออกมาเดินเพ่นพ่านตามถนนในเมือง แถมยังแต่งตัวเลียนแบบคณะละครสัตว์อีกด้วย หรือว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ลอบขึ้นไปเผาเรือเหาะที่บินอยู่กลางอากาศ จนทำให้มันตกลงมาเสียหาย แถมควันที่ออกมานั้นก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มควันรูปแมวน้อยและหัวใจอีก หรือไม่ว่าเหตุการณ์วางระเบิดโรงงานผลิตสีที่ใหญ่ที่สุดในเมือง จนทำให้บริเวณรอบๆนั้นกลายเป็นสีชมพูสดใสไปทั่วบริเวณ หลังจากที่ลงมือจัดการก่ออาชญากรรมเหล่านี้ไปแล้ว อาชญากรผู้ทำความผิดคนนี้ก็จะปรากฎกายออกมาให้เห็น เธอเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่ดูลึกลับ ผู้ที่พบเห็นก็บอกเล่าเกี่ยวกับลักษณะของเธอไว้หลายอย่าง ในมือของเธอนั้นถืออาวุธหน้าตาแปลก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีของ Piltover แต่การแต่งตัวของเธอกลับเหมือนกับพวก Zaun และด้วยการที่เธอนำพาปัญหาต่างๆมาฝากด้วยทุกครั้ง เหล่าผู้คนจึงขนานนามให้เธอว่า Jinx
ยิ่งนับวัน Jinx ก็อาละวาดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ Caitlyn นายอำเภอแห่ง Piltover ต้องออกมาจัดการด้วยตนเอง เพราะเธอมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงกับหน่วยปราบปราม ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน จึงทำให้เธอต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในเร็ววัน ส่วนทาง Jinx ที่มีรูปแบบการก่ออาชาญกรรมที่แปลกประหลาดไม่เหมือนอาชาญากรทั่วไป ก็ได้หมายตาไปที่สิ่งสำคัญที่สุดของเมือง Piltover นั่นหมายถึงคลังสมบัติที่มีการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นที่สุดของเมือง และนั่นก็เป็นสาส์นท้ารบโดยตรงต่อเจ้าหน้าที่สุดแกร่งด้วยเช่นกัน ด้วยความที่อยากจะท้าทายและหยอกล้อ Vi โดยตรง Jinx จึงส่งวันเวลาที่จะทำการลงมือให้กับทางการ แถมยังท้าทายให้หยุดเธอจากการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย
ด้วยความมุ่งมั่นของ Vi ที่จะนำอาชญากรตัวแสบเข้ากรงขังให้ได้ Vi จึงสอดส่องเฝ้าคอยอยู่ภายนอกคลังสมบัติ จนถึงเวลาที่ Jinx ท้าทายเอาไว้ และแน่นอนเธอปรากฎตัวออกมาตามเวลาที่ท้าทายเอาไว้จริงๆ รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะจัดการจับอาชญกรตัวแสบเอาไว้ให้ได้ Vi ไล่ตามอาชญากรตัวแสบเข้าไปในตัวตึก และเธอก็ต่อยทำลายกำแพงเจาะทะลุไปเรื่อยๆเพื่อที่จะไล่ตาม Jinx ที่กำลังเดินไปไปที่คลังโดยหัวเราะคิกคักพร้อมทั้งยิงระเบิดไฟออกมาด้วย จนในที่สุด Vi ก็ไล่ต้อน Jinx เข้าไปจนมุมอยู่ในคลังสมบัติ แต่เรื่องเพียงแค่นี้ยังไม่อาจจัดการกับอาชญากรสาวได้ เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา พร้อมทั้งยิงจรวดอัดลงบนพื้นบริเวณที่พวกเธอกำลังยืนกันอยู่
หลังที่พวกเธอไล่ล่ากันในตึก เมื่อ Vi คลานออกมาจากซากปรักหักพัง เธอก็เดินตรวจตรารอบๆทันที แต่เธอกลับไม่พบร่องรอยของ Jinx เลย นอกจากความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีการขโมยสิ่งใดๆเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เธอกลับพบข้อความหนึ่งที่อาชญากรสาวทิ้งไว้ให้กับเจ้าหน้าที่คนโปรดของเธอ คำท้าทายที่น่าตกใจลอยอยู่บนเส้นขอบฟ้าของ Piltover แสงไฟจากตัวเมืองส่องออกมาเป็นคำเยาะเย้ยอย่างกวนประสาท ''เธอไม่มีทางจับฉันได้หรอก'' ในขณะที่ Vi ยืนอ่านข้อความนี้อยู่ เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคู่อริดังแว่วมาแต่ไกล และแล้วเมืองที่เคยสงบสุข ตอนนี้กลับต้องจมเข้าสู่ความมืดมิดเป็นครั้งแรก
''โอ้ ดูซิ ดูซิ ชั้นกำลังเปิดกล่องน้ำใจของฉันให้อยู่นะ! แต่เอ๊ะ กล่องนี้มันกล่องเปล่านี่นา!''
-- Jinx- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - KALISTA
Kalista เป็นจิตวิญญาณนิรันดร์แห่งกรรม ผู้ครอบครองความเกลียดชังอย่างสุดหยั่งถึง กับเหล่าคนที่หลอกลวง และทรยศเธอ ในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอเป็นถึงระดับตำนานนักรบ แต่ในขณะที่เธอพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรม เธอก็ถูกทรยศและสังหารโดยคนที่เธอเชื่อใจมากที่สุด และในตอนนี้เธอได้กลายเป็นบุคคลที่สามารถขอร้องให้ช่วยแก้แค้นได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่าย นั่นคือวิญญาณของผู้อุทธรณ์จะต้องสูญเสียไป แล้วผูกวิญญาณกับเธอชั่วนิรันดร์
- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - janna
นานมาแล้ว มีเหล่าจอมเวทผู้อุทิศตนให้แก่พลังแห่งธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือ Janna ผู้ซึ่งเริ่มเรียนเวทมนตร์ตั้งแต่สมัยครั้งเยาว์วัย ท่ามกลางความวุ่นวายในเมือง Zaun เธอเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความยากลำบาก เธออาศัยปัญญาอันแสนฉลาดของเธอในการดำรงชีวิต แต่ก็มีบางครั้งที่การใช้ปัญญาอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เธอจึงต้องขโมยเพื่อให้เธอมีชีวิตรอด พลังเวทมนตร์อันเกรี้ยวกราดประจำเมือง Zaun เป็นเวทมนตร์แรกที่ Janna รับรู้ว่าสามารถใช้มันเพื่อป้องกันและยกระดับของตัวเองขึ้นได้ Janna ค้นพบว่า เธอเองมีความผูกพันกับพลังเวทมนตร์สายหนึ่งอย่างมาก นั่นคือพลังเวทมนตร์ธาตุลม เธอสามารถใช้เวทมนตร์แห่งลมได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาไม่กี่เดือน ราวกับว่าเธอเกิดมาจากมันเลยทีเดียว Janna เติบโตจากเด็กผู้หญิงข้างถนนจนกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสายลมในเพียงชั่วข้ามคืนโดยการสั่งสอนคนที่กล้ามาต่อกรกับเธอ จากการที่เธอสำเร็จวิชาเวทมนตร์แห่งลมนั้นได้ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเธอเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเธอนั้นมาจากโลกอื่นเลยทีเดียว
ด้วยความที่ต้องการกำจัดความอยุติธรรมให้หมดไปจากโลกนี้ เธอจึงตัดสินใจเข้าร่วมในสงครามแห่ง League of Legends และ Janna เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนในการทดลองทางด้านเวทมนตร์ และการพัฒนาเครื่องจักรเวทมนตร์ (Techmaturgist) ซึ่งทำให้เธอมีสถานะเหมือนเป็นพันธมิตรทางอ้อมกับนคร Piltover นั่นเอง Janna เป็นที่ชื่นชอบของสมาคมชาว League และเป็นจุดสนใจเสมอเวลามีงานเฉลิมฉลองอะไรก็ตาม อย่างไรก็ตามต้องก็ไม่ลืมว่าเธอนั้นสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ดั่งสายลม...
อย่าได้หลงใหลในความงามของ Janna เพราะเนื้อแท้แล้ว เธอเป็นพายุดีๆนี่เอง- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - irelia
เป็นที่เล่าลือกันมานานแล้วว่า ในชาวเผ่า Ionians นั้น เป็นผู้คิดค้นศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายที่อยู่บนผืนแผ่นดิน แต่มีอย่างนึงที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ และสิ่งที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากนั่นคือ เพลงดาบของยอดปรมาจารย์ดาบนามว่า Lito จอมดาบผู้ถูกอ้อนวอนให้สอนวิชาของเขาในหลายๆเมือง แต่ทว่าวิชาของเขานั้นถูกปกปิดเป็นความลับ ว่ากันว่าดาบที่ปรมาจารย์ผู้นี้ถือไว้ในมือ มันแทบจะมีชิวิตเลยทีเดียว แต่เป็นที่โชคร้ายสำหรับชาว Runeterra เพราะปรมาจารย์ดาบ Lito ได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ ทิ้งไว้เพียงลูกชายกับลูกสาวของเขา Zelos และ Irelia และอาวุธวิเศษของเขา เมื่อพวกเธอโตขึ้นมา Zelos ได้กลายเป็นหัวหน้าหน่วย ในกองกำลังป้องกัน Ionian และต้องนำกองกำลังของเขา ไปขอความช่วยเหลือจากนคร Demacia ในทันที เพราะว่า Noxus กำลังเข้าทำการโจมตี Ionia อยู่ จึงทำให้ Irelia ได้รับหน้าที่สำคัญ ในการป้องกันเมืองคนเดียว จนกว่าน้องชายของเธอจะกลับมา
ชาว Ionia ต่อสู้กันอย่างสุดความสามารถ แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เลือดของชาว Ionia ไหลชะโลมแผ่นดินบ้านเกิด ใต้ฝ่าเท้าของพวก Noxus ชาวเมือง Ionia เตรียมพร้อมที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาของพวกเขา จนกระทั่งเจ้าหนู Irelia ได้นำอาวุธวิเศษของบิดาของเธอมาต่อสู้ เพื่อยืดเวลาไว้ จนกระทั่งน้องชายของเธอกลับมา สถานการณ์เหมือนจะกลับมามีความหวังอีกอีกครั้ง ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย Irelia ได้ถูกคำสาปของพ่อมดชาว Noxus และในขณะที่เธอกำลังพลาดท่า เกือบจะเสียชีวิตนั้น Soraka ได้โผล่เข้ามา และช่วยเหลือเธอไว้ได้ทันท่วงที ด้วยเจตจำนงที่ต้องการจะช่วยเหลือเหลือบ้านเกิดของเธอ เธออยากจะลุกไปต่อสู้อีกครั้ง แต่ขณะนั้นร่างกายกายของเธอกลับไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเธอเสียแล้ว ทันใดนั้น ดาบวิเศษของบิดาของเธอ ก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือพื้นข้างๆเธอ เธอจึงคว้าอาวุธ และพุ่งเข้าไปยังกลุ่มของศัตรูในทันที ไม่มีสิ่งใดที่จะขวางเธอได้ ดาบของเธอบินวนรอบกายเธอ และฟาดฟันศัตรูราวกับกำลังเต้นรำ ฝั่ง Noxus ทำได้แค่อ้าปากค้างทำอะไรไม่ได้ และถอนทัพกลับไป หลังเสร็จศึกในครั้งนั้น Irelia จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้นำของกองกำลังป้องกัน Ionia และนั่นคือจุดเริ่มต้นก่อนที่ Irelia จะเข้าสู่สนามรบ Field of Justice...
'คมดาบจะเปล่งประกายขึ้น เมื่อมันถูกย้อมไปด้วยเลือด'
- รายงานจากภาคสนามของกองกำลัง Noxus- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Heimerdinger
บันทึกการทดลอง ศจ. Cecil B. Heimerdinger
วันที่ 14 เดือน 10
เวลา 09:15 น.
วันนี้ สภาวะดินฟ้าอากาศในเมือง Bandle ช่างยอดเยี่ยม ความดันอากาศในวันนี้ช่างเหมาะสมแก่การทดลองจริงๆ!
ฉันจะทำการทดสอบเดินเครื่อง Tridyminiumobulator ในช่วงบ่ายวันนี้ ต้องมีการปรับแต่งซักเล็กน้อย หนวดฉันมันดูไม่เข้าทรงเท่าไหร่นัก ต้องปรับแต่งปริมาณพลังงานด้วยสินะ
เวลา 16:00 น.
เครื่อง Tridyminiumobulator ยังผลิตพลังงานได้ไม่ดีพอตามที่ฉันวางแผนเอาไว้ จะต้องเพิ่มค่าตัวแปรเข้าไปอีก ระหว่างนั้น ฉันก็พบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจ
ฉันเจอมันอยู่ข้างทางกลับบ้าน หลังจากจบการทดลองของวันนี้ ฉันเห็นเจ้าหนู Yordle ตัวน้อย เล่นขว้างอะไรซักอย่างใส่กันอยู่ ของสิ่งนั้นมันเป็นทรงกลม มันเป็นคอนเซ็ปท์ที่เรียบง่าย โยนอะไรซักอย่างให้อีกคน รับมัน แล้วก็โยนกลับไปกลับมา ซ้ำไปซ้ำมา แต่แล้วก็เกิดการคำนวณผิดพลาดของเจ้า Yordle ตัวน้อยนั่นจนได้! เกิดการผิดพลาดของการส่งแรง ทำให้ความแม่นยำหายไป และ ''ลูกบอล'' (ได้ยินพวกเขาเรียกว่ายังงั้นนะ) มันก็ตกพื้น... มีรูปแบบของสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากมาย และหลังจากรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้าร่วมการกระทำ จากการคำนวณของฉันแล้ว ถ้าเพิ่มความแรงในการโยน กับมุมโค้งซัก 44.57% ก็น่าจะสนุกขึ้นมากๆเลยล่ะ! อืมม มีบางอย่างฉันจะต้องลองนำไปไตร่ตรองเพิ่มขึ้นในช่วงเย็นนี้
วันที่ 15 เดือน 10
เวลา 05:20 น.
ยูเรก้า! ฉันได้ค้นพบคำตอบแล้ว
ฉันจะสร้างเครื่องปาบอลอัตโนมัติ ชื่อปัจจุบันของมันคือ H-28G มันจะส่งลูกได้อย่างแม่นยำ ทั้งความเร็ว และวิถีการขว้าง และแน่นอนว่า มันจะคำนวณให้คนรับบอลได้อย่างแน่นอน มันจะหันไปหา Yordle ที่อยู่ใกล้ที่สุด (ถ้ามีมากกว่า 1 ในบริเวณใกล้เคียง) และแน่นอนให้ทุกคนได้รับบอลอย่างเท่าเทียมกัน แล้วฉันจะนำสิ่งประดิษฐ์นี้ ไปให้เจ้า Yordle ตัวน้อย และสาทิตวิธีการทำงานสิ่งประดิษฐ์ของฉัน
แย่ล่ะ เมื่อเช้า ฉันทำกรดพิษหกใส่รองเท้า น่าเบื่อจริงๆ
เวลา 10:30 น.
วันนี้ ฉันทำการทดสอบเครื่องยิงบอลอัตโนมัติ แต่ผลมันไม่เป็นไปตามที่ฉันคำนวณไว้ เจ้าหนูตัวน้อยตื่นเต้นกับงานประดิษฐ์ของฉันมาก แต่พอมันเริ่มยิงบอล กลับรุนแรงเกินไป! ถึงแม้ฉันจะปรับให้มันยิงบอลอย่างเบาที่สุดแล้ว แต่เจ้าหนูก็โดนทีเดียวสลบไม่ได้สติ เห็นได้ชัดว่า ฉันลืมคำนวณเรื่องความเร็วหลังจากที่ยิงไปแล้วเสียสนิท... ฉันจะต้องรีบกลับไปปรับแต่งมันอีกครั้ง
แต่งานที่สำคัญที่สุดของฉันตอนนี้ก็คือเจ้าเครื่อง Tridyminiumobulator ฉันจะต้องแก้ไขความซับซ้อนของมันก่อนจะไปทานมื้อเที่ยง แล้วเมื่อเสร็จเรียบร้อย ฉันจะต้องทดสอบมันที่อื่น เมือง Bandle นั้นไม่เพียงพอต่อการทดสอบภาคสนามของมัน
วันที่ 16 เดือน 10
เวลา 15:55 น.
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเมืองใหญ่ เป็นสถานที่ซึ่งทำให้ฉันรำคาญใจสุดๆ ที่นี่มีแต่เสียงดังรบกวนงานวิจัยของฉัน!
วันนี้ต้องไปดูแทงค์เก็บปลาซะแล้วสิ วันนี้มันดูเงียบๆผิดปกติชอบกล...
วันที่ 17 เดือน 10
เวลา 10:40 น.
ฉันได้ข่าวว่ามี Yordle จำนวนมากมายได้รับบาดเจ็บจากเจ้ายักษ์ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันมาสร้างความโกลาหลอย่างใหญ่หลวง ถ้ามันไม่หยุดในเร็วๆนี้ ฉันจะต้องทำสิ่งที่จำเป็น! ฉันหวังว่าเจ้า H-28G จะยังใช้งานได้ ฉันจะเสียเวลาไปอีกมากถ้าต้องมานั่งสร้างมันใหม่อีกครั้ง
เวลา 16:30 น.
ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ดูเหมือนเจ้ายักษ์จะได้สติแล้วก็ถอยกลับไป ฉันต้องประมวล H-28G ในวันพรุ่งนี้ หลังจากปรับแต่งค่าแรงดัน ฉันก็ใกล้จะทำให้ Tridyminiumobulator เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
วันที่ 18 เดือน 10
เวลา 08:30 น.
วันนี้ช่างเป็นวันที่สำคัญจริงๆ ฉันตกใจจากเสียงเคาะประตู ดูเหมือนชาวเมืองทุกคนในเมืองจะมาอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน โดยปกติแล้วพวกเขาจะมารวมตัวกันบ่นเรื่องงานทดลองของฉัน... แต่วันนี้ พวกเขามาพร้อมกับงานฉลอง!
ดูเหมือนเจ้าหนู Yordle คนนึงจะเอา H-28G ตัวต้นแบบของฉันไปใช้สู้กับเจ้ายักษ์จอมอาละวาด เขาพิสูจน์ว่ามันเป็นผลงานสร้างสรรค์ และดัดแปลงมันให้กลายเป็นป้อมปืนอันทรงพลัง แล้วเขาก็ใช้มันขับไล่เจ้ายักษ์ไปได้สำเร็จ!
ฉันอยากที่จะจ้างเจ้าตัวน้อยมาเป็นลูกมือฉันในอนาคตอันใกล้นี้ ฉันมีแผนการทดลองใหญ่อยู่ และการสนับสนุนของเขาจะช่วยฉันได้มาก แต่น่าเสียดาย เขาต้องออกไปจากเมือง Bandle ซะแล้ว แผนงานทดลองต่อของฉัน ฉันจะต้องหาที่ทดลองที่ใหญ่ขึ้นยิ่งกว่าเดิม ฉันต้องการพื้นที่สำหรับการทดสอบใหม่
Runeterra จะต้องประจักษ์!- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - hecarim
Hecarim เป็นปีศาจยักษ์ใหญ่ ที่คลุมทั้งกายด้วยเกราะ ซึ่งมีชื่อเสียงอันน่าสะพรึงกลัวไปทั่วทั้งดินแดน Runeterra เขาทำงานลาดตระเวนให้แก่ Shadow Isles และโค่นเหล่าคนที่โง่พอจะย่างกลายเข้าไปเดินในดินแดนต้องสาป ดั่งทัพหน้าของของเหล่าผีดิบ Hecarim ควบออกมาจากม่านหมอกดำทมิฬ หัวเราะเย้ยหยัน ในขณะที่เขาเหยียบเหล่าศัตรูไว้ใต้กีบเท้าหุ้มเหล็ก- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Graves
ประวัติของ Malcolm Graves เริ่มจากเขาได้เกิดขึ้นหลังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง Bilgewater พร้อมกับถูกทิ้งไว้กับขวดนมหนึ่งขวด ซึ่งชีวิตในวัยเด็กของเขา เขาสามารถเอาตัวรอดในเมืองแห่งโจรสลัดด้วยอุบายทุกอย่างที่มีในหนังสือ ด้วยความปรารถนาที่จะอยากมีชีวิตใหม่เขาได้แอบหนีขึ้นเรือเพื่อไปยังแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตามความโหดร้ายของโลกแห่งความเป็นจริงก็บังคับเขาให้ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอยู่ใต้ดินในหลายๆเมืองที่เขาผ่าน หนีข้ามพรมแดนในหลายๆครั้ง มีอยู่วันนึง Graves ได้นั่งเล่นไพ่ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามของเขาคือ Twisted Fate พวกเขาทั้งคู่มี A คนละสี่ใบในมือ มันเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน ทั้งคู่ถูกใจและพร้อมตกลงใจที่จะเป็นสหายกัน พวกเขาทั้งคู่ร่วมมือกันโกงในหลายๆอย่าง
จนกระทั่งวันนึง Graves ถูกจับได้ว่าเขาโกงโดย Dr. Aregor Priggs ผู้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการแห่ง Zaunite และเป็นนักธุรกิจอีกด้วย ซึ่ง Priggs คับแค้นใจเป็นอย่างมากและหาทางแก้แค้น Graves อีกทั้งเขายังได้ล่วงรู้มากขึ้นด้วยว่า Twisted Fate ผู้ซึ่งเป็นคู่หูของ Graves นั้น มีความปรารถนาที่จะควบคุมเวทมนตร์ เขาจึงได้ยื่นข้อเสนอแก่ Twisted Fate ว่าหากยอมส่งมอบ Graves ให้กับเขา เขาก็พร้อมที่จะให้สิ่งที่ Twisted Fate ต้องการ Twisted Fate รับข้อเสนอในทันที หลังจากที่ Priggs จับตัว Graves ได้เขาก็ได้ส่งตัว Graves ไปคุมขังยังสถานที่พิเศษ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อคุมขังอาชญากรโดยเฉพาะ Graves อดทนอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งเขาสามารถหนีออกมาได้ ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้น เพื่อนในนั้นของเขาได้แนะนำช่างปืนลูกซองฝีมือดี ผู้ซึ่งสามารถปรับแต่งปืนให้ตรงกับความต้องการของเขาได้ หลังจากที่เขาไปสะสางบัญชีความแค้นกับ Priggs เรียบร้อยแล้ว Graves ได้เข้าร่วมสงคราม League of Legends โดยมีสองสิ่งอยู่ในใจคือ การแก้แค้นและ Twisted Fate
''สิ่งที่อยู่ในใจของข้าในขณะถูกคุมขังนั้น มันไม่มีอะไรเลย นอกจากการวางแผน''
-Graves- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - Gragas
สำหรับ Gragas แล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใดสำคัญเหนือไปกว่าการดื่มของมึนเมา เขาเต็มไปด้วยความกระหายเบียร์ดีกรีแรงๆโดยไร้เงื่อนไข จึงทำให้เขาคอยตามหาสุดยอดวัตถุดิบอันยอดเยี่ยมมาใส่ในถังของเขาเพื่อทำการหมักเบียร์รสเลิศ แต่ด้วยความเถื่อนจนยากจะคาดเดาของชายร่างท้วมเจ้าสำราญคนนี้ เขาดันชอบระเบิดถังเบียร์ทิ้ง พอๆไปกับการระเบิดหัวคนด้วยเช่นกัน ด้วยความที่เขาชำนาญในการหมักของมึนเมา รวมกับอารมณ์ที่แสนแปรปรวนตามธรรมชาติ การนั่งดื่มกับ Gragas มันช่างเป็นตัวเลือกที่สุดแสนจะอันตรายอย่างแท้จริง
Gragas หลงรักในเครื่องดื่มชั้นดี แต่ด้วยกฎหมายบ้านเมือง ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกขัดขวางการเข้าถึงการมึนเมาขั้นเทพ ในคืนหนึ่ง หลังจากที่เขาดื่มเบียร์จนหมดทุกถัง ซึ่งมันไม่พอต่อความต้องการของเขา ทำให้ Gragas เริ่มมีความคิดว่า ทำไมเขาไม่มอมเหล้าตัวเองด้วยสุดยอดแห่งความเมาเสียเลยล่ะ และในคืนนั้นจึงทำให้เขาสาบานว่า เขาจะต้องหมักสุดยอดเบียร์ขึ้นมาให้ได้
ด้วยเป้าหมายที่ Gragas ตั้งขึ้นมา เขาจึงเดินทางเข้าสู่ Freljord ดินแดนที่จะทำให้เขาเก็บน้ำบริสุทธิ์จากขั้วโลกเหนือได้ เพื่อที่จะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในส่วนผสมของเขา แต่มันทำให้เขาเดินทางมาถึงสถานที่ที่ไม่มีบันทึกในแผนที่ของดินแดนน้ำแข็ง ในขณะที่เขากำลังหลงทางในพายุหิมะอันหนาวเหน็บ Gragas ก็เดินทางหลงเข้ามาพบกับ Howling Abyss ณ ที่นี่ เขาได้พบกับก้อนน้ำแข็งที่สวยใสไร้ที่ติ เขาไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อเขานำมันมาใส่ในเบียร์ของเขา น้ำแข็งก้อนนี้ก็ไม่ละลาย อีกทั้งมันยังมีสรรพคุณพิเศษ ที่ไม่อาจหาอะไรมาเทียบได้ นั่นก็คือมันจะทำให้เบียร์อยู่ในอุณหภูมิที่เย็นทันที และทำให้รสชาติเลิศล้ำยิ่งขึ้นไปอีก
ในขณะที่ยังหลงในมนต์สะกดกับส่วนผสมใหม่ของเขา Gragas มุ่งหน้าเดินทางต่อ เพื่อ ไปหาดินแดนศิวิไลซ์ เพื่อแบ่งปันน้ำผลไม้ที่เขาหมักด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา แต่ด้วยโชคชะตาที่นำพาเขามาถึงที่นี้ สิ่งแรกที่ต้องสายตาของ Gragas นั้นก็คือ การชุมนุมครั้งแรกที่จะกำหนดชะตาของดินแดน Freljord นั้นเอง เขาเดินเข้าไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ท่ามกลางการเจรจาระหว่างสองชนเผ่าที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ซึ่งนั่นคือ Ashe ที่กำลังเจรจากับพันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ ที่นั่นดูเหมือนจะเป็นการพบเจอกันแบบตึงเครียดสำหรับ Ashe เมื่อฝั่งเหล่านักรบเห็น Gragas มันทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะโกรธ และด่าทอใส่เขาอย่างรุนแรง แต่ด้วยนิสัยของ Gragas เขาจึงตอบโต้กลับด้วยการเอาหัวโขกสวนซะ เพื่อปิดฉากการทะเลาะวิวาท เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ถูกเล่าขานสืบต่อกัน จนกลายเป็นตำนานอย่างหนึ่งของ Freljord
เมื่อนักรบคนนั้นตื่นขึ้นมา Ashe ก็ได้ยื่นเครื่องดื่มแห่งมิตรภาพให้แทนการทะเลาะวิวาท นั่นก็เพราะในตอนนี้ อารมณ์ของพวกเขาถูกทำให้สงบลงแล้ว ทั้งสองเผ่าจึงหยุดเรื่องทะเลาะวิวาทบาดหมาง และเริ่มสานสัมพันธ์อันดีต่อกัน ด้วยเบียร์สูตรพิเศษของ Gragas ทุกฝ่ายต่างหยุดความขัดแย้ง และ Gragas ก็ได้รับการยกย่องดั่งวีรบุรุษ แต่ว่าสุดยอดความฝันของยอดนักดื่มก็ยังไม่สำเร็จลุล่วง มันจึงทำให้เขาต้องออกเดินทางต่อในดินแดนหิมะแห่งนี้ เพื่อตามหาวัตถุดิบ เพื่อสร้างสรรค์สุดยอดเครื่องดื่มมึนเมาแห่ง Runeterra
''และสิ่งนี้ จะทำให้มีขนขึ้นบนหน้าอกของเจ้า!''
-- Gragas- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
LOL - GNAR
ป่าดงพงไพรไม่ให้อภัยกับผู้ที่มองไม่เห็นถึงอีกด้านหนึ่ง กิ่งไม้หักทุกก้านล้วนบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา
ข้าได้ล่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างแล้ว เท่าที่ป่านี้จะมีให้ข้าล่า จนข้าแน่ใจแล้วว่าที่ป่านี้ไม่หลงเหลือความท้าทายใดๆให้ล่าอีก แต่ล่าสุดนี้ข้าพึ่งค้นพบบางอย่างที่แปลกใหม่ รอยเท้าแต่ละรอยของมันมีขนาดใหญ่พอๆกับเจ้า Tusklord รอยกรงเล็บของมันคมเหมือนดาบ ดูแล้วมันอาจจะฉีกคนให้กลายเป็น 2 ซีกได้ด้วยซ้ำ ในที่สุด ข้าก็พบเหยื่อที่มีค่าควรแก่การล่าสักที
ข้าออกตามหารางวัลของข้าในป่าแห่งนี้ และแล้วข้าก็พบกับร่องรอยความเสียหายที่มันทิ้งไว้ ข้าเดินเข้าไปสำรวจกลางดงต้นไม้ที่หักโค่นมากมาย ต้นไม้ยักษ์เหล่านี้เคยตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานจนไม่สามารถนับปีของมันได้ พวกมันแข็งมาก คงไม่มีคนโง่ที่ไหนพยายามเอาขวานห่วยๆมาโค่นพวกมันเป็นแน่ ดูท่าทางว่าไอ้เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ มันสามารถหักต้นไม้เหล่านี้ได้ราวกับว่ามันเป็นกิ่งไม้ทั่วไปเลยทีเดียว
แล้วเจ้าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันหายไปง่ายๆได้ยังไงกัน? ทั้งที่มันทิ้งร่องรอยการทำลายล้างเอาไว้ขนาดนี้ แต่ข้าก็ยังไม่พบเห็นมัน แล้วมันทำได้ยังไง? โผล่มายังกับพายุเฮอริเคนแล้ว หลังจากนั้นก็หายไปในป่าราวกับหมอกยามเช้า
ข้ารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้ไปยืนประจันหน้ากับเจ้าสัตว์ประหลาดตนนี้ มันจะต้องเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ
ผ่านเรื่องนั้นมา ข้าจึงตามเสียงลำธารไป เพื่อตามหามันต่ออีกครั้ง ที่นั่น ข้าได้พบกับเจ้าตัวเล็กที่มีขนรกรุงรังสีส้ม มันกำลังคลานสลับกับหยุดรออะไรบางอย่าง ข้าจึงแอบสอดแนมมันจากระยะไกล ในจังหวะที่มีปลาตัวเล็กกระโดดขึ้นมาเหนือลำธารนั้นเอง เจ้าสิ่งมีชีวิตนั่นก็กระโดดคว้า และดำลงน้ำอย่างสุขสำราญ เท่าที่เห็นข้าจึงทราบได้ว่ามันเป็นพวกเผ่า Yordle อีกทั้งยังเป็นนักล่าซะด้วย!
สิ่งนี้ดูเป็นลางที่ดี ในไม่ช้า ข้าจะได้พบเจ้าสัตว์ร้ายอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรหนีพ้นมือข้าได้
ในตอนนั้น ใบหูใหญ่ๆของเจ้า Yordle ก็ตั้งขึ้น และหันหน้ามาทางข้า เขาวิ่งสี่ขาเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมบูมเมอแรงที่ทำจากกระดูกในมือ เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าข้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็พูดจ้อ ซึ่งฟังแล้วมันพูดไม่ค่อยชัดนัก
ข้าผงกศีรษะเพื่อขอบคุณเจ้า Yordle หนุ่ม แล้วออกเดินตามหาเหยื่อต่อไป ข้าสำรวจในทุกพื้นที่ แม้ว่าทางเดินจะยากลำบากข้าก็ผ่านได้อย่างสบาย ข้าพยายามมองหาทุกร่องรอยที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้านั่น ในขณะที่ข้ากำลังจะดมตามหากลิ่นของมัน มีบางอย่างที่ทำให้ข้าไขว้เขว ข้าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ เจ้า Yordle มันตามข้ามา ข้าคงยอมให้เขามารบกวนการล่าของข้าไม่ได้ ข้าจ้องหน้าเขาพร้อมชี้นิ้วให้ไปไกลๆ แต่เขากลับมองหน้าข้าอย่างมึนงงสงสัย ข้าชักไม่แน่ใจแล้วซิ นี่มันลางดีหรือไม่ดีกันแน่
ข้าหันหลังให้มันพร้อมส่งเสียงคำราม สายลมจากเสียงคำรามทำให้ขนของเจ้า Yordle ลุกชูชัน เสียงสั่นสะเทือนก้องทั่วพื้นที่ หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาหันหน้ามาและ ในตอนแรกข้าคิดว่าอาจจะเป็นรอยยิ้ม แต่กลายเป็นว่าเขายกบูมเมอแรงขึ้นมาเตรียมขว้าง ด้วยความรวดเร็ว ข้าจึงฉกเอาอาวุธมาจากมือของเขา แล้วปาออกไปใส่ต้นไม้ให้มันปักอยู่บนกิ่งก้านสูงๆ เขาจึงรีบพยายามปีนป่าย และกระโดดอย่างกระวนกระวาย เพื่อนำมันคืนมา
ข้าพึ่งจะออกเดินได้เพียงสิบก้าว ข้าก็ได้ยินเสียงคำรามก้อง มันสั่นสะเทือนไปจนถึงกระดูกสันหลังข้าเลยทีเดียว เสียงคำรามของมันทำให้หินและต้นไม้เกิดรอยแตก แล้วต้นไม้ยักษ์ใหญ่ก็โค่นล้มมาขวางหน้าข้า พร้อมทั้งอาวุธที่ทำจากกระดูกของเจ้า Yordle นั่นที่ปักอยู่ที่ลำต้น
เสียงคำรามประหลาดดังขึ้นอยู่ข้างหลังข้า
ข้าคงทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงแล้วล่ะ- Posted by Unknown
- 0 Comments
- Readmore . . .
- Add Comment
Blog Archive
- January (100)